คุณโพร์เทีย กับเส้นทางสาย ฝ. และความรักกับหนุ่มต่างชาติ
|👉ประวัติ
ภูมิลำเนาเดิมเป็นคนจังหวัดอุดรธานี ชื่อเล่นเดิม “หมิว” ชื่อสกุล พัชรา บราวน์ แม่สามีตั้งชื่อให้ใหม่เพื่อให้เรียกง่ายขึ้นว่า “โพร์เทีย” (Portia) ปีนี้อายุ 30 ตอนนี้อาศัยอยู่ที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย แต่เดิมก่อนเจอกับสามี ทำงานเป็นพนักงานต้อนรับภาคพื้นดิน ของสายการบินโลวคอสแอร์ไลน์แห่งหนึ่งใน จ.อุดรธานี เราจะเริ่มค้นพบตัวเองมาตั้งนานแล้ว ว่าตัวเองเป็นสาย ฝ จากบุคลิกตัวเอง มั่นใจ อาจเพราะความมั่นนี่แหละ ผช ไทยกลัว55 และด้วยความที่ทำงานบริการ ก็ชอบการพูดคุย ชอบสื่อสารกับชาวต่างชาติ สมัยทำงานถ้ามีเคสไหนที่ต้องดีลกับต่างชาตินี่วิ่งเข้าใส่เลย ที่จริงก็ไม่ได้เก่งภาษาอะไรมากมาย เรียนจบเอกภาษามาอังกฤษมาก็จริง แต่ก็ได้เกรดกลางๆ ถึงจะพูดผิดพูดถูกก็อยากช่วยเค้า และด้วยทัศนคติต่างๆ ที่เวลาเราคุยกับชาวต่างชาติ รู้สึกมันเปิดกว้างกว่าในหลายๆเรื่อง ไม่ใช่ว่า ผช ไทยไม่ดีนะ คนดีหรือไม่ดีมีปะปนกันทุกประเทศ ของแบบนี้มันอยู่ที่ดวงคน
👉เจอกับสามีได้อย่างไร??
เราทำงานบริการมารวมๆแล้ว 5 ปี ด้วยการที่ทำงานบริการ เจอคนมากหน้าหลายตา คนไทยก็มีเข้ามาบ้าง แต่มันไม่ใช่ เป็นเพราะหน้าเราดุด้วย ไม่ใช่สเป๊คผู้ชายเอเชีย คนต่างชาติก็มีแบบเข้ามาจีบบ้าง ส่วนใหญ่จะเป็นแฟนคนอื่น55 มีเจ้าของแล้ว บลาๆ เราก็เลยค้นพบว่าคนที่เดินเข้ามาจีบต่อหน้าก็ใช่ว่าจะจริงใจเสมอไป ก็เลยลองสมัครเล่นเว็บเดทดู เล่นมาสักพักก็เข้าใจสัจธรรมของการเล่นเว็บหาคู่ พวก just for fun เผื่อเลือก มองหาแค่ holiday gf สายYeah!! ก็เยอะ แต่ทุกอย่างเป็นเหรียญสองด้าน จนในที่สุดเราก็ค้นพบด้านดีของเว็บเดท ได้พบเหรียญด้านสว่าง สุดท้ายก็ได้พบรักแท้ ฮิ้วววววว แต่.. มีแต่ค่ะ ทุกอย่างมันไม่ง่ายขนาดนั้น กว่าจะลงตัวทุกอย่างมันมีที่มาที่ไปค่ะ55
ขอพูดตามหลักความจริงเลยนะ คำว่า”ศีลเสมอแล้วเจอกัน”คือเรื่องจริง เพราะต่างคนต่างมีคุยเผื่อเลือก จนกระทั่งคุยๆกันจนรู้สึกเชื่อใจ ปรึกษากันได้ทุกเรื่อง ตอนนั้นวินซ์ (สามี) ก็ทำงานอยู่ประเทศซาอุดิอาระเบีย
สามีเป็นคนบริติช แต่ทำงานที่นั่น ก็แชทกันแบบเปิดกล้องบ้าง แต่ยังไม่เห็นตัวจริงกันประมาณ6 เดือน เริ่มแชทกันตั้งแต่ ม.ค. ปี 2015 เดือน มิ.ย. เค้าก็บินมาฮอลิเดย์ที่ไทย และเหรียญด้านมืดอีกด้านของการได้ผู้จากเว็บเดทเริ่มโผล่เข้ามา ด้วยความที่เราอยู่อุดรฯ กว่า ฝ จะตกมาถึงเราต้องผ่าน Bkk ก่อน คือก็เข้าใจอารมณ์แหละเสียค่าตั๋วมาทั้งที ตราบใดที่ยังไม่แต่งงานก็เผื่อเลือก ทุกคนมีสิทธิ์เลือกคนที่ดี ที่ใช่ที่สุดสำหรับตัวเอง และสุดท้ายเราก็ได้เจอตัวจริงกันช่วงเดือน มิ.ย. เดทแรกก็พากันบินไปฮานอย ประเทศเวียดนาม
จนรู้สึกว่ามันคลิก มันใช่ รู้สึกเป็นตัวเอง ก็เลยตัดสินใจคบกันแบบจริงจัง แต่ก็มีข้อตกลงกัน ว่าต่างฝ่ายต่างต้องเทตัวเลือกของตัวเอง ตอนนั้นสามีเรามีคนคุยเยอะมาก!! ซึ่งทุกขั้นตอนก็ราบรื่นดีค่ะ เรามีความเชื่อว่าถ้าเจอคู่แท้ เจอคนที่เกิดมาเพื่อเรา เราจะไม่ต้องพยายาม เป็นตัวของตัวเองได้แบบเต็มที่ รึฝืนอยู่ในสถานะความสัมพันธ์ที่เหนื่อยเลย ตอนนั้นแทบไม่ได้ออกแรงไฟท์กับใคร แต่รู้สึกแบบ I’m the winner!! เค้าจะเคลียให้เราเอง เราแค่อยู่เฉยๆ และเราชอบอีกด้านของการคบ ฝ คือ เรื่องความรัก เป็นเรื่องของคนสองคนจริงๆ เป็นเรื่องของคนสองคนที่ตัดสินใจกันเอง จะไม่มีญาติพี่น้องมาช่วยตัดสินใจ อิสระในการเลือกแนวทางชีวิตของตัวเอง ดีที่ทางบ้านเราเข้าใจด้วย หลังจากเสร็จจากทริปฮอลิเดย์เค้าก็บินกลับซาอุฯไปทำงานต่อ เราก็กลับมาทำหน้าที่ทำงานของเรา
👉ในส่วนของความสัมพันธ์ระยะทางมีปัญหาไหม LDR feeling
ก็ยืนยันคำเดิม ถ้าเจอคนที่เกิดมาเพื่อเรา ในสถานะความสัมพันธ์ ระยะทางจะไกลแค่ไหนก็ช่าง เราจะเจอแต่ความสบายใจ ก็มีแชทวีดีโอคอลคุยกันตลอดจนในที่สุด รู้จักกันครบ1ปี เค้าก็บินจากซาอุฯมาหมั้นเรา
ในเดือน ม.ค.ปี2016 เรื่องราวกำลังไปได้สวยค่ะ หมั้นเสร็จพักผ่อนเสร็จ หลังจากนั้น สามีก็ได้งานใหม่ที่ประเทศจีน ต่างคนก็ต่างตั้งหน้าตั้งตาทำงานของตัวเอง ผ่านไปแปดเดือน เค้าก็บินจากจีนมาแต่งเรา 14.ส.ค.2016 เรื่องราวกำลังไปได้ด้วยดี ดูเหมือนจะไม่มีอุปสรรค์อะไร เราก็แพลนจะลาออกจากงาน เพื่อติดตามสามีไปอยู่ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เสียงจากที่บ้านเราก็เริ่มแว่วมา…เสียดายงานเรา จะลาออกจากหน้าที่การงานดีๆ ไปอยู่จีนจะรอดไม๊ จะหางานได้ไม๊ สามีจะดูแลดีไม๊ บลาๆๆๆๆ แต่เราเลือกผู้ชายคนนี้มาเป็นคู่ชีวิต เราเชื่อในตัวเอง และเชื่อมั่นในตัวสามีเรา
👉มีอะไรอยากจะฝากถึงผู้อ่านไหม??
มีเยอะเลยค่ะ อยากให้ทุกคนรักและภาคภูมิใจในวิถีชิวิตของตัวเอง ทุกๆคนมีข้อดีในแบบของตัวเองที่แตกต่างกันไป เราไม่สามารถเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางของจักรวาลได้หรอก ว่าเนี่ย ฉันสบาย งานไม่ต้องทำ ฉันมีสามีเลี้ยงดู หรือว่าฉันเป็นผู้หญิงทำงานฉันมีคุณค่ากว่าคนอื่นๆ เนี่ยนะมันเป็นประเด็นที่เราเห็นผู้หญิงสาย ฝ รึใครๆก็ตาม ชอบถกเถียงกัน เรามองว่ามันตลกนะ ทุกๆอย่างมันขึ้นอยู่กับข้อตกลงของแค่ละครอบครัว คนเรามันเจออะไรต่างๆนาๆ เจอปัจจัยแวดล้อมที่ไม่เหมือนกัน เราไม่มีสิทธิ์ไปตัดสินชีวิตคนอื่นว่าเค้าเป็นคนที่มีคุณค่าหรือปล่าว เราว่าข้อดีอย่างหนึ่งของการได้เดินทาง ได้เห็นถึงวัฒนธรรมที่หลากหลาย จากคนหลากหลายเชื้อชาติ ในหลายๆประเทศ มันทำให้เรามองโลกแบบเป็นกลางมากขึ้น สิ่งที่เราถูกปลูกฝังว่าเนี่ย ถูกต้องแล้ว มันอาจจะไม่ใช่เสมอไป เพราะอีกฟากนึงของโลกเค้าโดนสอนโดนปลูกฝังเรื่องความคิดไม่เหมือนเราก็มี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคนเราคิดไม่เหมือนกัน ชอบไม่เหมือนกัน มันก็อยู่รวมกันได้ “เหมือนชอคโกแลตที่มีหลายรสชาติ แต่มันก็คือชอคโกแลตอยู่ดี” มนุษย์ทุกคนมีคุณค่าในตัวเองค่ะ อย่าดูถูกตัวเองเด็ดขาด ในส่วนของเรื่องความรัก อยากให้ข้อคิดอย่างนึง ถ้าเราเจอคนที่เกิดมาเพื่อเรานะ เราจะไม่ต้องเหนื่อยหรือพยายามอะไรที่มันฝืนตัวเอง ในความสถานะความสัมพันธ์มันจะมีแต่ความสบายใจ จะมีสุขมากกว่าทุกข์ และคำว่า “คู่ชีวิต” เค้าจะรักในตัวตนของเรา ถึงคุณจะเป็นแม่บ้านดูแลสามี ดูแลลูกๆ หรือเป็นผู้หญิงทำงาน เค้าก็รักในทุกๆหน้าที่ ในทุกๆบทบาทที่เราเป็น เราจะสามารถมีความสุขโดยที่ไม่ต้องเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับใคร ขอให้ทุกคนเชื่อมั่นในตัวเอง เหมือนคำคมนึงที่เราชอบมาก หลายๆคนคงเคยได้ยิน
“A bird sitting on a tree is never afraid of the branch breaking because her trust is not in the branch but in her own wings!” นกที่เกาะอยู่บนต้นไม้ ไม่เคยหวั่นกลัวว่ากิ่งไม้ที่เกาะนั้นจะหัก เพราะเจ้านกหาได้ฝากความหวังไว้กับกิ่งไม้ไม่ หากแต่เป็นปีกของมันเอง ขอให้ทุกคนเชื่อมั่น อย่าดูถูกตัวเอง ทุกคนมีคุณค่าในแบบของตัวเอง เมื่อเรารักและเชื่อมั่นในปีกของตัวเองแล้ว คุณจะเจอคนที่รักในตัวตนของคุณ และเค้าจะมีปีกอีกคู่ที่คอยช่วยประคับประคองคุณเสมอ
สุดท้ายนี้หวังว่าเรื่องราวของเราจะเป็นแรงบัลดาลใจดีๆ ให้กับผู้อ่านนะคะ กระทู้หน้าจะมาเล่าให้ฟังถึงการใช้ชีวิตในซาอุดิอาระเบีย ฝากติดตามด้วยค่ะ🙏