อีกมุมของ “หญิงไทยขายตัวในต่างประเทศ”
|ขออภัยกับคำที่ใช้ หญิงไทยขายตัวในต่างประเทศ เพราะนี่เป็นเนื้อที่อยากให้ใครๆได้อ่าน สำหรับหลายคนที่เคยได้ยินคำแบบนี้มา มุมหนึ่งที่ฉันได้ฟังเรื่องราวของ หญิงไทยที่มีสามีฝรั่ง กับเบื้องหลังนั้นไม่ได้เป็นอย่างที่เราเห็น จึงได้ขออนุญาตนำเรื่องนี้มาเล่าต่อ เพราะอยากบอกให้สาวไทยที่เป็นมือใหม่เดินสายฝ. ตะหนักว่า อย่ารักอย่าเชื่อใจใครง่ายเกินไป และเป็นเหตุผลที่อยากเตือนว่า เราไม่ควรไปเจอฝรั่งครั้งแรกที่ต่างประเทศ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามที่เขาอ้างมา กลัวเครื่องบิน ไม่สามารถลางานได้ ไม่มีเงินพอ(งั้นก็รอต่อไป หรือตัดใจซะ) ขอให้ช่างใจไว้ ใช้สติพิจารณาให้มากๆ ขอให้รอให้เขาพร้อมที่จะมาหา มาเพื่อรักคุณที่นี่ นอกซะจากว่าคุณจะมีญาติมิตรสนิทกันอาศัยอยู่ที่เมืองนั้นแล้วมั่นใจว่าจะไป และสามารถเอาตัวรอดได้จริงๆ
เริ่มต้นเรื่อง เมื่อเกิบ10ปีที่แล้วฉันได้บอกกับครอบครัวว่า ไม่ชอบชายไทย ชอบฝรั่ง และอยากจะมีแฟนเป็นฝรั่ง และทำให้เป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะครอบครัวของฉัน แม่และญาติพี่น้องของเรา “เกลียดฝรั่งมาก” ขอบอกว่า “เกลียด” ด้วยอคติอย่างรุนแรง และเพราะครอบครัวเราค่อนข้างหัวโบราณ มีเชื้อสายคนจีน คิดว่าฝรั่งนั้นไม่ค่อยมีวัฒนธรรม ไม่มีมารยาท ไม่เคารพผู้อาวุโส แต่จริงๆแล้วที่ครอบครัวของฉันเกลียดฝรั่ง เพราะมีญาติของฉันถูกหลอกไปขายที่ต่างประเทศ ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของแม่ฉันเอง ฉันเรียกว่า น้า แม่ของฉันเล่าเรื่องราวชีวิตของน้าให้ฟังว่าเมื่อประมาณ 17-18 ปีที่แล้ว น้าถูกหลอกไปขายที่เยอรมัน เรื่องคือ ตอนนั้นน้าอายุประมาณ 30 ปี เธอไม่เคยมีแฟน เพราะครอบครัวของเราค่อนข้างเคร่งคัดเรื่องการเลือกคู่ แล้วน้าก็ได้พบเจอกับฝรั่ง เป็นนักธุรกิจ แล้วได้เจอได้คุยกันแค่ 2-3 ครั้ง เพราะบ้านอยู่ใกล้โรงแรมที่ฝรั่งมาพัก เมื่อฝรั่งกลับไปที่เยอรมัน ก็โทรมาหาน้า คุยกันอยู่ประมาณ 1 เดือน เขาก็ทำเรื่องให้น้า ตามไปที่นั้น ด้วยความที่อยากไปเที่ยวและอยากได้แฟน เธอก็ตัดสินใจตามไป ด้วยวีซ่าท่องเที่ยว และบอกกับทางบ้านว่าจะไปแต่งงานที่โน้น… แต่ผ่านไป 3 ปี ที่เธอไม่ได้ส่งข่าวอะไรเลย
ตอนแรกฉันไม่เชื่อที่แม่เล่า ฉันต้องการทราบความจริง เลยติดต่อไปหาน้าและขอให้เล่าให้ฟัง เธอเล่าว่า เมื่อไปถึง ชายก็มารับเธอ และพาเธอไปพักที่โรงแรม และในคืนนั้นก็ข่มขืนเธออย่างรุนแรง จนเธอหมดสติ เมื่อเธอตื่นเช้ามา เธอพยายามจะหนีออกมาแจ้งความและกลับมาบ้าน แต่เขาเอาพาสปอร์สเธอไว้ และก็คุกเขาขอโทษเธอและบอกจะรับผิดชอบทุกอย่าง แต่เธอก็ยังไม่พอใจ เขาจึงพาเธอไปทานข้าวในร้านอาหารหรูหรา สั่งอาหารอย่างดี ราคาแพง จนเธอเกิบจะเชื่อใจ เมื่อทานอาหารเสร็จ น้าได้ไปเข้าห้องน้ำ และพอเดินออกมา ก็เห็นชายคนนั้นรับเงินจากชายอีกคน แล้วเขาก็บอกให้น้านั่งรออยู่ตรงนั้นแแล้วเขาก็เดินจากไป…และไม่นานมีชาย2คน เข้ามาบอกให้เธอจ่ายค่าอาหารซึ่งเป็นราคา 5,800 € ( ประมาณ 270,000บาท)
แน่นอนว่า เธอไม่มีเงินจ่าย และไม่มีพลาดสปอร์ตติดตัว เขาจึงจับเธอไว้ เธอบอกว่าจำไม่ได้ว่าผ่านไปกี่วัน 5วัน ที่ถูกมัดและขังไว้ในห้องมืด ไม่ให้กินข้าว ให้แต่น้ำ เขาก็เข้ามา ฉีดยาให้เธอ และพาเธอไปเจอกับผู้ชาย ไปนั่งรับแขก และถูกลวนลาม แต่เธอทำอะไรไม่ได้ ขัดขืนไม่ได้ แล้วส่วนมากคือ เธอจำอะไรไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น จนตอนเช้าของทุกวันที่เธอได้กินอาหารวันละมื้อ เป็นอาหารที่เหลือจากลูกค้า เมื่อผ่านไปเป็นเดือน น้าได้ตัดสินใจบอกว่า เธอไม่ต้องการใช้ยาแล้ว แต่เธอยินยอมจะออกไปทำงานให้ จะแต่งตัวสวยและรับแขกเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆในร้าน (เพราะยาทำให้เธอไม่มีสติและไม่สามารถพูดคุยได้) ซึ่งเวลาเธอออกไปรับแขก เธอพยายามเล่าเรื่องราวของเธอให้ลูกค้าฟัง แต่ไม่มีใครเข้าใจ เพราะเธอพูดภาษาเยอรมันไม่ได้ และส่วนมากเขาก็ไม่เข้าใจภาษาอังกฤษเท่าไร บางคนก็เอามาบอกเจ้าของร้าน ทำให้เธอถูกซ้อมและให้อดข้าว ผ่านไปนานเกิบ3ปี เธอได้พยายามฝึกภาษาและได้พยายามเล่าให้ชายแก่คนนึ่งที่มาเจอเธอหลายครั้งฟัง ให้เขาช่วยซื้อตัวเธอออกมา และเธอสัญญาจะดูแลเขาทุกอย่าง ด้วยความที่เธอหน้าตาดี รูปร่างสวย ชายแก่คนนั้นสงสาร จึงจ่ายเงินซื้อเธอมาด้วย 20,000 € เมื่อ 17-18 ปีที่แล้ว เงินจำนวนนี้มีค่ามาก และไม่ใช่แค่ออกมาแล้ว เธอจะเป็นอิสระ เพราะเธอไม่มีหลักฐานยืนยันตัวตน การเข้าประเทศที่เกินกำหนด ไม่มีพลาดสปอร์ต และเธออาจจะถูกจับไปเฉยๆ และตำรวจที่โน้นก็อาจจะพาเธอไปขายต่ออีก แต่ชายแก่คนที่ซื้อเธอมา ก็ได้พาเธอไปทำพาสปอร์ตใหม่ เป็นบุคคล “อพยพจากเกาะแห่งหนึ่ง” เสียเงินอีกจำนวนมาก และเขาได้จดทะเบียนแต่งงานให้เธอได้สัญชาติเยอรมัน และชายแก่พาเธอไปทำเด็กหลอดแก้ว (เพราะเขาอายุมากแล้ว) ให้เธอมีลูกกับเขา เพื่อไม่ให้เธอทิ้งเขาไป ใช้เวลาร่วม 3 ปี เมื่อท้องลูกแล้ว เธอจึงขอโทรกลับมาที่บ้านสักครั้งเพื่อเธอจะได้บอกที่บ้านว่า ยังมีชีวิตอยู่และจะขอสามีคนนี้กลับมาเยี่ยมบ้าน และเธอก็จนกว่าคลอดลูก รอจนเด็กอายุ 1 ปี (เวลาผ่านไปร่วม 7 ปี) เขาให้เธอกลับมาบ้านเพียงแค่ 5 วัน เพราะเธอมาคนเดียวและต้องกลับไปหาลูกเธอ…
และทุกวันนี้ ก็ยังไม่สามารถติดตามตัวคนที่พาเธอไปขายได้ เธอไม่สามารถแจ้งความอะไรได้ เพราะเธอกลัวจะเกิดปัญหาใหญ่โตกับชายแก่ผู้มีพระคุณ เพราะร้านอาหารหรูนั้นเป็นของมาเฟียใหญ่ และเธอเองก็ทำพลาดสปอร์ตปลอม … จึงปล่อยให้ผ่านไปและจบแบบนี้ ซึ่งน้าก็บอกว่า อย่างน้อยก็ยังโชคดีที่ชายแก่คนนี้ซื้อตัวเธอมาและเธอได้มีชีวิตใหม่เพราะที่นั่นมีอีกหลายสิบคนจากหลายชาติที่ยังขายตัวอยู่ด้วยความเต็มใจและไม่เต็มใจ และเธอเองก็ได้ชื่อว่า เธอเป็นหนึ่งในสาวไทยที่ขายตัวในต่างประเทศ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร ไม่มีใครเขาสนใจรับฟังหรอกและเธอก็อายเกินกว่าจะบอกใครให้รู้เรื่องของเธอ เพราะแม้กระทั้งญาติหลายคนยังไม่เชื่อและคิดว่าเธอตั้งใจหนีออกจากบ้านไปเพื่อขายตัวในต่างประเทศ…
แล้วคุณละคะ เมื่อได้คุยได้เดทกับฝรั่งออนไลน์แล้ว และเขาได้เสนอให้คุณเดินทางไปหา ทั้งที่คุณยังไม่รู้จักเขาดีพอ แม้จะได้คุยกันมานานนับปี แต่คุณมีอะไรรับประกันความปลอดภัยของคุณได้บ้าง ทำอะไรได้บ้าง? ภาษาคุณได้ไหม ได้มากแค่ไหน? คุยกับเขารู้เรื่องเขามากแค่ไหน แน่ใจได้อย่างไรว่าที่เขาบอกมา เป็นเรื่องจริง เพราะสิ่งที่คุณกำลังคาดหวัง อาจจะไม่เป็นอย่างที่คุณเห็น เรื่องราวในมุมมืดของสาวไทยที่ขายตัวในต่างประเทศก็อาจจะเป็นแค่เรื่องเล่า เรื่องนินทา ประนามกันปากต่อปาก เพราะพวกเธอไม่กล้าที่จะเปิดเผยตัว ทำตัวให้เป็นข่าวแก้ข่าวอะไร เพราะคงไม่มีใครเชื่อว่าเหตุผลจริงๆแล้วที่พวกเธอขายตัวเพราะเธอถูกหลอกไปขาย และต้องเอาตัวรอดในเหตุการณ์นั้นและรอวันที่จะโชคดี แล้วได้กลับมาบ้าน แต่ในสายตาและคำนินทาเธอก็ยังกลายเป็นคุณนายเมียฝรั่งที่เคยขายตัวในต่างประเทศ เป็นตราบาปติดตัวติดใจเธอตลอดไป…
ทางเว็บไซต์IgetFarang.com ขอเป็นกำลังใจให้กับสาวไทยในต่างแดนทุกท่าน ที่ผ่านเรื่องราวร้ายๆหรืออาจกำลังเผชิญกับปัญหามากมายในการอาศัยอยู่ต่างประเทศ ขอให้ทุกท่านเข้มแข็งและสู้ต่อไป อย่าได้ท้อถอย อย่าได้สิ้นหวัง ว่าฟ้าหลังฝนยังมีอยู่เสมอ ยังมีคนที่ท่านรักและรักท่านอยู่เสมอ…