อยู่กับความต่างอย่างรักกัน

มีคู่รักหลายคู่ที่มีความต่างทางเชื้อชาติ ศาสนาและภาษาต่าง แต่เมื่อทั้งคู่ได้พบรักกันแล้ว อยากเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกัน ครองรักกัน ก็ต้องหาวิธีที่จะอยู่กับความต่างนั้นให้ได้ ต้องเลือก ต้องปรับ ต้องเข้าใจในความต่างของกันและกัน ต้องเข้าใจธรรมชาติของอีกฝ่าย เพียงเท่านี้การใช้ชีวิตก็จะง่ายขึ้น สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสบายใจและมีความสุข

ภาษาต่างแต่เข้าใจ

ภาษาต่าง และ แนวทางเข้าใจ

สำหรับคู่รักที่มีภาษาต่างกัน ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เพียงแค่คุณทั้งสองเปิดใจ รู้จักการใช้ภาษาอื่นช่วย เพราะคุณเรานั้น มีภาษาในการสื่อสารมากมาย เช่น ภาษาเสียง ที่เป็นเป็นการแสดงน้ำเสียงอ่อนหวาน ไพเราะ ภาษากายที่ไม่ได้หมายถึงการสัมผัสเท่านั้น เพราะร่างกายเราสามารถสื่อสารได้ตั้งแต่ สายตา สีหน้า รอยยิ้ม และกริยาต่างๆ ที่แสดงออกมา หากคุณรู้จักการใช้ภาษาต่างๆเหล่านี้ ให้อีกฝ่ายเข้าใจได้ถึงความรู้สึก หรือความต้องการของคุณ แต่อย่างไรก็ตาม การใช้ภาษาต่างกันก็อาจมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนหรือผิดพลาดได้ จึงต้องอาศัยเวลาเรียนรู้ร่วมกัน

ความคิดต่าง ความรู้สึกก็ต่าง

แต่ละคุณอาจมีความคิดที่ต่างกันมากมาย แต่หลักๆแล้วสามารถแยกย่อยออกมาเป็นสองทาง คือ คิดบวก และ คิดลบ เพื่อง่ายแต่การปรับเปลี่ยน หากคุณคิดบวกและแฟนหรือสามีเป็นคนคิดบวก ก็จะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขในทุกๆวัน เพราะทุกอย่างที่เกิดขึ้นไปในทิศทางเดียวกัน หรือหากคุณคิดลบและเขาคิดลบ ก็จะอยู่ด้วยกันอย่างทุกข์ใจแทบทุกวัน  หรือ หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งคิดบวกและอีกคนคิดลบ ก็จะมีบางวันที่มีความสุขและบางวันที่มีความทุกข์สลับกัน และชีวิตคู่ก็ขึ้นอยู่กับว่าใครจะเลือกคิดบวก คิดถึงหรือจดจำวันดีๆวันที่มีความสุข หรือหากใครที่คิดลบ ก็มักจะจดจำวันที่เลวร้ายวันทุกข์ใจ ทำให้รู้สึกไม่ดี เมื่อต้องห่างกันไปหรือวันไหนที่มีเหตุให้ทะเราะกัน เขาจะคิดถึงเราแบบไหนและเราจะจำวันที่มีความสุขหรือทุกข์ หรือต้องปรับความคิดแบบไหน หาวิธีอย่างไรให้มีวันที่คิดลบมีความทุกข์น้อยที่สุด และวันที่คิดบวกและมีความสุขมากที่สุด

ธรรมชาติที่แตกต่าง

ไม่ใช่แค่ ภาษาต่าง หรือความคิดต่าง แต่ก็มีความต่างของชายและหญิง ที่มีแยกย่อยแตกต่างกันหลายแบบ มีทั้งต่างเรื่องอารมณ์ ต่างหน้าที่ ต่างความคิด ต่างการแสดงออก ต่างการพูดจา ต่างน้ำเสียง ต่างสายตา และต่างๆมากมาย  ซึ่งต้องค่อยๆคิด ค่อยๆเข้าใจกันไปตามสถานการณ์ ลองมาดูตัวอย่างของความต่างที่อาจจะทำให้คุณมองภาพออกได้ง่ายขึ้น

ตัวอย่าง เรื่อง หมา กับ ไก่

วันหนึ่ง หมา นอนอยู่ใต้ถุนบ้าน อย่างเย็นสบาย กำลังเคลิ้มด้วยความอิ่มและง่วงนอน จากที่ทั้งคืนได้อยู่เฝ้ายามรอบๆบ้าน และภูมิใจที่ได้เห่าขโมยไปได้
ในขณะนั้น ก็มีแม่ไก่ และลูกเจี๊ยบสิบตัว เดินผ่านมา ด้วยความที่แม่ไก่กำลังสอนลูก ว่าอันไหนกินได้ อันไหนกินไม่ได้ ลูกๆก็พูดตามคำแม่บอกไป ทำให้เกิดเสียงรบกวนการนอนของหมาอย่างน่ารำคาญ
หมาจึงตื่นด้วยอารมณ์ไม่ดี แล้วถามว่า
หมา : ไก่ ทำไมแกต้องขยัน หากินอะไรตลอดเวลาขนาดนี้นะ
ไก่ก็หยุดอยู่บริเวณนั้น และตอบหมาไปว่า
ไก่ : แหม๋ เจ้าหมา ข้ากับลูกๆ ได้กินคำละเล็กละน้อย ต้องหาไปกินไป
หมา : มีแต่กินทั้งวัน ไม่เห็นทำประโยชน์อะไรเลย
ไก่ : ก็ข้าไม่มีเจ้านาย เอาอาหารชามใหญ่ๆอร่อยๆไว้ให้กิน ต้องหากินเอง จะให้ทำอะไรได้ ข้าอยากจะนอนกลางวันสบายๆอย่างท่านก็ไม่ได้

หมา(คิดลบ) : นี่เจ้ากำลังว่าข้าขี้เกียดหรือ เจ้าไม่รู้หรือว่าข้าทำหน้าที่สำคัญแค่ไหน (หมาลุกขึ้นขึงขัง)
ไก่(คิดบวก) : เปล่านะ ข้าว่าท่านโชคดีมากๆที่เกิดมาเป็นหมา มีหน้าที่ดูแลเจ้านาย และได้กินอาหารอร่อยทุกวัน
หมา(โกรธ) กระโดดไปวิ่งกัดไก่ : ไก่ชั่งประชด ด่าประชดข้า มันมากไปแล้ว
ไก่(คิดได้) ข้าผิดเองที่พูดไม่ได้คิด ทำให้เข้าใจท่านเข้าใจผิด ไก่และลูกๆพากันวิ่งหนีเข้าเล้าไป
หมา(โมโห) วิ่งเข้าเล้าตามไปกัดไก่ ส่งเสียงดัง คนได้ยิน ก็มาเห็นหมาอยู่ในรกไก่ เลยไล่ตีหมา และไล่หมาออกจากบ้านไป

เจ้าหมาเร่ร่อนหิวโซ ไม่มีเจ้าของ มันก็เอาแต่โทษชะตากรรม หรือโทษไก่ โทษคน โทษพระเจ้า แต่ที่จริงแล้ว เป็นเพราะความใจร้อน มองคำพูดไก่ในแง่ร้าย ใส่ใจกับคำพูดส่อเสียด และขาดสติ

ไก่และลูกๆ ก็รู้สึกเสียใจ เพราะพูดจาส่อเสียด ไม่ได้คิดก่อนพูด เปรียบเทียบตนกับผู้อื่น และสุดท้ายก็ไม่มีหมามาคอยเฝ้ายามกันขโมย หรือเดินตรวจความเรียบร้อยรอบๆบ้านให้

สิ่งที่เกิดขึ้นนั้น เป็นเรื่องธรรมชาติfreestocks-org

ไก่  ก็เป็นธรรมชาติของไก่ เสียงแหลมดัง ท่าทางหยิ่งผยอง ชอบจิกๆ
หมา  ที่เป็นธรรมชาติของหมา ไม่ชอบเสียงแหลมดัง ใจร้อน วู่วาม ขี้โมโห

หมาก็มีหน้าที่ของหมา แม่ไก่ก็มีหน้าที่ของมัน ต่างเกิดมาทำหน้าที่ตามจุดประสงค์ของธรรมชาติและสังคม ซึ่งจริงๆแล้วสัตว์ทั้งสองชนิดนั้น มีภาษาต่างกัน อาจจะเข้าใจกันบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง แต่มันขึ้นกับความคิด อยู่กับว่า แต่ละฝ่ายจะเข้าใจหรือคิดไปในทางบวกหรือลบ

 

หากเราเปรียบเหมือนไก่ ไม่พูด ไม่ส่อเสียด ไม่เปรียบเทียบชีวิตตนกับใคร ก็จะอยู่กินสบายใจ ไม่โดนหมาไล่กัด และมีใครคอยปกป้อง ดูแล ไล่ขโมยให้
หากเราเปรียบตนเหมือนหมา ไม่ใส่ใจคำพูดส่อเสียดของใคร ตั้งใจทำหน้าที่ของตน คิดบวก เข้าใจและไม่ใช้อารมณ์แก้ปัญหา ก็จะได้กินอิ่มนอนอยู่สบายใต้ถุนบ้าน กันคนที่ตนรัก

ในชีวิตคู่อาจลองคิดว่า ผู้หญิงเราก็คือ แม่ไก่ ส่วนคนรักอาจเปรียบเหมือน หมา ที่อยู่ร่วมกันในความแตกต่าง ทั้งธรรมชาติต่างและภาษาต่าง หน้าที่ต่าง แต่ก็ครองรักกันได้อย่างสงบได้ แม้จะไม่เข้าใจภาษาเท่าไรนัก เพียงตัวเราเป็นคนคิดบวก รู้ว่าหน้าที่ของตัวเองคืออะไร พอใจในสิ่งที่ตนได้รับ เข้าใจธรรมชาติของอีกฝ่าย และต้องรู้ถึงการกระทำที่จะนำมาซึ่งผล ว่าจะทำเป็นทุกข์หรือทำให้เขาเข้าใจผิดหรือเปล่า แค่นี้เราก็จะรู้ว่าในความแตกต่างก็มีความสุขได้ไม่ยากเลย หรือหากไม่มีความสุขเลยก็ต้องเข้าใจว่า บางครั้งมันคงไม่ใช่แค่ความแตกต่างที่เป็นอุปสรรค อาจต้องแก้ไขในส่วนอื่นๆต่อไป

Igetfarangภาษาต่างก็ครองรักกันได้มีฉบับแปลเป็นภาษาอังกฤษ เผื่อสาวๆท่านใดอยากแชร์ให้คนรักอ่าน

[English version]

แชร์ต่อไป

เพิ่มความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น